หัวโขน เปเปอร์มาเช่ เงาะป่าเหน็บดอกชบา
ชื่อสินค้า : หัวโขน เปเปอร์มาเช่ เงาะป่า
ขนาด : กว้าง 20 ซม.
วัสดุ : ผลิตจากกระดาษหนังสือทากาว ปั้นขึ้นรูปเป็นหัวโขน ทาสีเคลือบและแต่งลาย น้ำหนักเบา เก็บรักษาให้พ้นจากน้ำ เป็นงานบ้านๆ ไม่มีความละเอียดมากมายอะไรนัก ผู้ผลิตสินค้าเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่ว่างงานและไม่สามารถไปทำงานนอกบ้านได้แล้ว
การใช้งาน : เป็นหัวโขนสวมศรีษะเด็กหรือผู้ใหญ่ได้ ใช้เป็นของเล่น ในงานการแสดงละคร หรืองานปาร์ตี้ คอสเพลย์ หรือจะนำมาแต่งบ้าน ของสะสมหรือเป็นของฝากให้แก่ลูกหลานก็ดูมีคุณค่าไม่น้อยครับ
การดูแลรักษา : หลังจากใช้งานเสร็จจัดเก็บให้พ้นน้ำและความชื้น
การทำความสะอาด : แทบไม่ต้องดูแลรักษาอะไรมาก หากมีฝุ่นก็แค่เช็ดด้วยผ้าที่แห้ง
การคืนสินค้า : คืนสินค้าได้ในกรณีที่ได้รับสินค้าผิดจากที่สั่ง หรือสินค้าได้รับความเสียหายจากการขนส่ง สงวนสิทธิ์ในการคืนสินค้าสำหรับลูกค้าที่ทำการถ่ายภาพวีดีโอตั้งแต่ก่อนเปิดกล่องสินค้าจนถึงพบเจอสินค้าพกพร่องหรือเสียหายหรือผิดสีผิดไซด์จากที่สั่ง ขอคืนสินค้าได้ภายใน 7 วันหลังจากรับสินค้าแล้ว
เงาะป่า เป็นตัวละครเรื่องพระสังข์ทอง
รจนา เป็นธิดาสุดท้องจากจำนวนเจ็ดองค์ของท้าวสามล พี่ๆเลือกคู่ได้สามีที่คู่ควรกันแล้ว แต่นางรจนากลับเลือก เจ้าเงาะป่า รูปชั่วตัวดำ ทั้งๆที่ตนเป็นสาวสวย จึงเป็นที่เยาะเย้ยไปทั่ว ทำให้พระบิดากริ้วไล่ให้ไปตกระกำลำบากที่กระท่อมปลายนา แต่ความจริงที่นางเลือกก็เพราะเห็นรูปทองอยู่ข้างใน เจ้าเงาะถึงจะขี้ริ้วแต่ก็มีวิชาความรู้ จนต่อมาพระอินทร์ต้องแปลงร่างมาตีคลีเพื่อช่วยให้เจ้าเงาะได้ถอดรูปให้ทุกคนได้เห็นรูปทองในที่สุด ดังนั้นสาวๆที่มีสามีขี้ริ้วจึงมักถูกว่าเป็นนางรจนาควงเจ้าเงาะ
รจนายังเลือกเจ้าเงาะด้วยเหตุผลที่สงสัยว่าเป็น “บุญ” ของตนที่ได้เห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นด้วย สิ่งนี้น่าจะเป็นการท้าทายการตัดสินใจของรจนามากกว่า นางจึงไม่ได้ทิ้งพวงมาลัยไปสวมหัตถ์ผู้ที่เลือกเหมือนอย่างพี่นางทั้งหกคน แต่ใช้วิธีเสี่ยงพวงมาลัย คือก่อนที่ทิ้งพวงมาลัยนั้นได้อธิฐานด้วยว่าหากพระสังข์และนางเป็นคู่ครองกันมาแต่ชาติปางก่อน ก็ขอให้มาลัยที่ทิ้งไปต้องตัวเจ้าเงาะรูปทอง ในตอนนั้นชายที่มาให้นางรจนาเลือกคู่นั้นมีเจ้าเงาะเพียงคนเดียว หากตกลงใจเลือกแล้วจะทิ้งพวงมาลัยไปอย่างไรก็ต้องถูกเจ้าเงาะ การเสี่ยงพวงมาลัยอธิฐานจึงเป็นการเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ การเลือกคู่ครองที่ผู้อื่นเห็นว่าไม่เหมาะสม เช่นนี้ ทำให้รจนาอยู่ในภาวะน้ำท่วมปาก เพราะนางรู้ดีว่าอธิบายสิ่งที่นางเห็นอย่างไรก็จะไม่มีใครเชื่อ คนย่อมเชื่อในสิ่งที่เห็นกับตา อันได้แก่รูปโฉมภายนอกมากกว่าจะเชื่อสิ่งที่มองไม่เห็น อันได้แก่จิตใจ เจ้าเงาะจึงกล่าวกับรจนาว่า
ปริศนาที่ว่าคือ การใช้รูปเงาะเป็นสิ่งวัดน้ำใจ คนทั่งไปย่อมไม่ชอบสิ่งที่น่าเกลียดน่าชัง แต่คนที่มีปัญญามีเหตุผลย่อมสามารถมองทะลุรูปร่างภายนอกเข้าไปสัมผัส “ของแท้” ที่อยู่ภายในได้ เหมือนเช่นที่รจนามองเห็นรูปทองที่อยู่ในร่างเงาะ เจ้าเงาะจึงชมเชยนางรจนาว่า
ลักษณะนิสัยกล้าเสี่ยงกับสิ่งที่ท้าให้พิสูจน์ และต้องได้คำตอบจนหมดข้อสงสัยจึงจะคลายใจเช่นนี้เอง ทำให้นางรจนาไม่ได้เคลิบเคลิ้มไปกับการเกี้ยวพาราสี ถูกเนื้อต้องตัวของพระสังข์จนหมดใจ เหมือนตัวอย่างตัวละครหญิงบางคนในวรรณคดีไทยเรื่องอื่น ๆ ที่ร่วมประเวณีกับผู้ชายโดยที่ไม่ได้รู้จักมาก่อน เช่น นางรื่นนางโรยในลิลิตพระลอ นางอุษาในอนิรุทธิ์ตำฉันท์และอุณรุท เป็นต้น รจนาไม่ยอมปลงใจกับพระสังข์จนกว่าจะได้รู้ว่า มีเทือกเถาเหล่ากออย่างไร เมื่อได้รู้ว่ามีชาติกำเนิดสูงเป็นกษัตริย์รจนาจึงหมดข้อสงสัย ดังที่กวีบรรยายว่า
ลักษณะนิสัยของรจนาอีกประการหนึ่งที่ไม่พบในตัวละครผู้หญิงในวรรณคดีไทยเรื่องอื่น ๆ คือเป็นผู้ที่มีอารมณ์ขัน ทั้งนี้การที่สังข์ทองเป็นบทละครนอกซึ่งมีจุดประสงค์และเสนอความสนุกสนานบันเทิงแก่ผู้ที่ดูละคร น่าจะเป็นปัจจัยของการสร้างตัวละครให้แสดงพฤติกรรมชวนหัวเราะ แต่โดยมากกวีมักจะสร้างลักษณะนิสัยเช่นนั้นกับตัวละครระดับรองมากกว่าตัวละครเอก และมักไม่สร้างตัวนางเอก ให้มีลักษณะชวนขัน รจนาเป็นตัวละครหญิงที่ต่างจากมาตรฐาน เพราะรจนาเป็นนางเอกที่มีอารมณ์ขันไม่แพ้เจ้าเงาะในตอนที่รจนาทำลายรูปเงาะเพราะต้องการให้คนอื่นเห็นพระสังข์รูปทองเหมือนอย่างที่ตนเห็น พระสังข์ตื่นมาเห็นเข้า กริ้วโกรธ และขัดขวางไว้ได้รจนายอมรับผิดและง้อขอโทษอย่างจริงจังว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก แล้วจึงเข้าไปประจบเอาใจเจ้าเงาะ